วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เผยโฉม New HONDA CIVIC SI 2009

เรามาดูกันครับ ว่า รถNew HONDA CIVIC SI 2009 รูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร








เครดิต http://new-hondacar.blogspot.com/

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552

คาดว่า Honda CR-V ใหม่ ปี 2010 เวอร์ชั่นมะกัน


ที่เมืองดับลิน รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา มีคนพบ Honda CR-V ใหม่ที่เป็นรถต้นแบบของ Honda CR-V รุ่น Facelifted หรือ Minor Change ปี 2010 ที่ค่อนข้างมั่นใจกันว่าเป็น CR-V โฉมใหม่ปรับเล็กก็เพราะสถานที่พบรถคันนี้เป็นร้านอาหารที่ห่างจากโรงงานผลิตรถยนต์ Honda เพียง 20 นาที การถ่ายภาพได้ใช้โทรศัพท์มือถือในการถ่ายเลยทำให้คุณภาพที่ได้

จากภาพที่ได้จะเห็นว่ามีความแตกต่างจาก Honda CR-V รุ่นปี 2009 พอสมควรตามที่ได้นำรูปภาพมาเปรียบเทียบด้านบนซึ่งเป็น CR-V เวอร์ชั่นอเมริกาครับ ความแตกต่างคือ กระจังหน้าโครเมี่ยมส่วนบนมีขนาดใหญ่ขึ้น คือ กินพื้นที่ทั้งแถบระหว่างไฟฟ้าทั้งสองดวง กระจังหน้าส่วนล่างมีการปรับแต่งใหม่ ส่วนกันชนหน้ามีการออกแบบใหม่ แหล่งข่าวอ้างว่า ล้ออัลลอยก็มีการออกแบบใหม่เช่นกัน

โฉมใหม่ของ CR-V ดังกล่าว จะจริงหรือไม่จริงอย่างไร ต้องติดตามชมได้ที่ AutoSpinn.com เร็วๆนี้ครับ

Mugen Honda Civic Type-R 3d รถแต่งแฮทช์แบ็ค 3 ประตู เวอร์ชั่นยุโรป


วันก่อนผมได้พูดถึง Mugen Honda Civic Type R ที่ทาง Mugen ได้นำเอาโฉมเก่า(แบบบ้านเรา)มาเป็นแนวทางในการแต่ง Civic เวอร์ชั่นยุโรป วันนี้ได้ภาพมาแล้ว แม้ว่าจะเป็นภาพ render ก็ตาม แต่ก็เพียงพอที่จะเห็นได้ครบถ้วนว่า แต่งออกมาแล้วสวยจริงๆ นี่ถ้ามีการปล่อยภาพแต่งจริงออกมาคงได้เปลี่ยน wallpaper หน้าจอคอมพิวเตอร์อีก

รูปที่นำมาให้ชมเป็นรถแต่ง Mugen Civic Type-R 3d เวอร์ชั่นยุโรปที่จะเริ่มจำหน่ายในช่วงฤดูร้อนปีนี้ ซึ่งรุ่นมาตรฐานใช้เครื่องยนต์ i-VTEC 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลัง 200 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้าผ่านชุดเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ถ้าได้ภาพชุดใหม่มาเมื่อไหร่จะรีบนำมาให้ชมครับ






เครดิต http://www.autospinn.com

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เรามาดุ 2009 Honda S2000 Ultimate Edition สวยได้ใจ













2009 HONDA Civic Coupe มาแน่นอน

เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้เองที่เราก็เพิ่งจะได้เห็นภาพถ่ายและข้อมูลอย่างเป็นทางการของสไตล์ตัวถังของHonda Civicไม่ว่าจะเป็นของรุ่นsedanและhybridสำหรับการไมเนอร์เชนจ์ของปี2009 จนทำให้บรรดาแฟนๆCivic Coupeหยุดหงิดไปตามๆกัน และในที่สุดเราก็ได้ข้อมูลของCivic 2-ประตูล่าสุดไม่ว่าจะในรุ่นDX, LX, EX/EX-L และ Siจากโบรชัวร์PDFซึ่งสามารถที่จะดาวน์โหลดได้แล้วจากเวปไซต์ของHONDAอเมริกา เช่นเดียวกันกับตัวถังซีดานที่ด้านหน้าและหลังของCivic Coupeจะเห็นแปลกตาไปมากที่สุด ซึ่งก็ต้อง”ตาผี”สักนิดถึงจะเห็นความแตกต่าง ไล่กันไปตั้งแต่กระจังหน้าที่ทำให้เห็นแล้วดู”แรง”และ”ดุ”ขึ้นมากจากการใช้ลายแพ็ทเทิร์นรวงผึ้ง และที่ข้างใต้กันชนหน้าก็ได้รับการออกแบบบริเวณช่องลมเข้าใหม่ ที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนก็ตรงเลนซ์ไฟเลี้ยวให้เป็นสีพลาสติกใสๆ


เข้าไปภายใน2009 Civic Coupeกันบ้าง ซึ่งเดี๋ยวนี้สามารถที่จะเลือกหาระบบนำทาง(ด้วยดาวเทียม)ที่จะพับลงมาเพื่อ ที่จะเผยให้เห็นเครื่องเล่นCDแบบslot-loadingและที่เสียบการ์ดออดิโอดิจิตัล ได้เมื่อต้องการใช้งาน ยังจะมีตัวอินเตอร์เฟสระบบเครื่องเสียงด้วยการเชื่อมต่อแบบUSBล่าสุดที่ คอนโซลกลางซึ่งคุณสามารถเพียงแค่เสียบแฟล็ชไดร์วลงไปเท่านั้น




เครื่องยนต์i-VTEC® 1.8-ลิตร 140แรงม้าวางที่ใต้ฝากระโปรงเป็นมาตรฐานของ2009 HONDA Civic Coupe และกับการจิบเบนซินมากกว่า15.2กม/ลิตรสำหรับการวิ่งบนไฮเวย์ แปลกที่HONDAไม่ได้เปิดเผยข้อมูลนี้ผ่านทางเวปไซต์ของสื่อต่างๆ รวมทั้งเวปไซต์ทั่วไปก็ยังไม่ได้โชว์โมเดล2009 Siด้วย ดังนั้นจึงคาดกันว่าทางHONDAเองก็คงจะเผยข่าวสารมากขึ้นกว่านี้สำหรับ2009 HONDA Civic Coupeในลำดับต่อๆไปอีกแน่

เครดิต http://blogger.sanook.com/autoxpress/

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

พริ๊ตตี้ สุดร้อนแรงที่ Bangkok Motor Show 2009

เครดิต http://www.wannapong.com/pretty-bangkok-motor-show-2009/

Price List Honda Car 2009 for E20

ฮอนด้าประกาศราคาจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าที่ใช้แก๊สโซฮอล์ E20

ราคาใหม่ที่ลดลงจะมีผลกับรถยนต์ที่ส่งมอบแก่ลูกค้าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นไป

กรุงเทพฯ (14 ธันวาคม 2551) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์นั่งอันดับสองของประเทศไทย ประกาศราคาใหม่ของรถยนต์ฮอนด้าซึ่งสามารถใช้ แก๊สโซฮอล์ E20 โดยราคาที่ประกาศใหม่จะลดลงระหว่าง 33,000 – 113,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่น ทั้งนี้การปรับราคาใหม่เนื่องมาจากการที่รัฐบาลปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต สำหรับรถยนต์นั่งที่มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี และสามารถใช้แก๊สโซฮอล์ E20

กรุงเทพฯ (14 ธันวาคม 2551) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์นั่งอันดับสองของประเทศไทย ประกาศราคาใหม่ของรถยนต์ฮอนด้าซึ่งสามารถใช้ แก๊สโซฮอล์ E20 โดยราคาที่ประกาศใหม่จะลดลงระหว่าง 33,000 – 113,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่น ทั้งนี้การปรับราคาใหม่เนื่องมาจากการที่รัฐบาลปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต สำหรับรถยนต์นั่งที่มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี และสามารถใช้แก๊สโซฮอล์ E20

มร. เคนจิ โอตะกะ ประธาน บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ราคาที่ลดลงของรถยนต์ฮอนด้าที่ใช้แก๊สโซฮอล์ E20 นี้ จะน่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าที่สามารถใช้พลังงาน ทางเลือก เพราะรถยนต์ฮอนด้าที่มีรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวทันสมัยทุกรุ่นสามารถใช้ได้กับ แก๊สโซฮอล์
รถยนต์ฮอนด้าที่ใช้แก๊สโซฮอล์ E20 มีราคาจำหน่ายใหม่ดังนี้


รุ่น แบบ / ราคาใหม่ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2552 (บาท) / ราคาปัจจุบัน (บาท)

ซิตี้ ซีร์เอ็กซ์ A MT / 304,000 / 517,000

ซิตี้ ซีร์เอ็กซ์ A AT / 321,000 / 554,000

ซิตี้ ซีร์เอ็กซ์ V MT / 386,000 / 563,000

ซิตี้ ซีร์เอ็กซ์ V AT / 405,000 / 600,000

ซิตี้ ซีร์เอ็กซ์ SV AT / 410,000 / 650,000

ซิตี้ ซีร์เอ็กซ์ SV AT (AS) / 445,000 / 685,000


ฮอนด้า ซีวิค 1.8S MT / 532,000 / 780,000

ฮอนด้า ซีวิค 1.8S AT / 568,000 / 816,000

ฮอนด้า ซีวิค 1.8S AT (AS) / 574,000 / 862,000

ฮอนด้า ซีวิค 1.8E AT / 587,000 / 901,000

ฮอนด้า ซีวิค 1.8E AT (AS) / 593,000 / 947,000

ฮอนด้า ซีวิค 2.0EL AT (AS) / 626,000 / 1,090,000


ฮอนด้า แอคคอร์ด 2.0E / 840,000 / 1,320,000

ฮอนด้า แอคคอร์ด 2.4E / 976,000 / 1,470,000

ฮอนด้า แอคคอร์ด 2.4EL / 987,000 / 1,610,000

ฮอนด้า แอคคอร์ด 2.4EL NAVI* / 997,000 / 1,760,000

ฮอนด้า แอคคอร์ด 3.5 V6** / 1,080,000 / 2,880,000


ฮอนด้า ซีอาร์-วี 2.0S / 800,000 / 1,180,000

ฮอนด้า ซีอาร์-วี 2.0E* / 860,000 / 1,280,000

ฮอนด้า ซีอาร์-วี 2.4EL* / 1,020,000 / 1,470,000

หมาย เหตุ * สำหรับฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ (รุ่น 2.4EL NAVI และ 3.5 V6) และฮอนด้า ซีอาร์-วี (รุ่น 2.0E และ 2.4EL) สีขาวบริลเลียนท์จะต้องเพิ่มราคาอีก 10,000 บาท
** รถยนต์ ฮอนด้า แอคคอร์ด รุ่น 3.5 V6 สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ E20 ได้ แต่เนื่องจากขนาดของเครื่องยนต์สูงกว่า 3,000 ซีซี ทำให้ราคาไม่มีการเปลี่ยนแปลง
*** ราคารถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ลูกค้าที่สั่งจองรถยนต์ฮอนด้าไว้แล้ว บริษัทฯ จะแจ้งราคาจำหน่ายใหม่และจะสามารถซื้อรถยนต์ฮอนด้าได้ในราคาใหม่
เครดิต http://www.thaicivicclub.myokhost.com/forum/showthread.php?tid=166

PATTANI Motor Show 2009 @ HONDA CAR

เครดิต http://www.klongdigital.com/webboard3/36596.html

ราคาhondaในต่างประเทศ

ไฟตัดหมอก แฟชั่น..อันตราย!


เสียงบ่นจากผู้ขับขี่รถยนต์บนท้องถนนมีมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับแสงไฟสว่างจ้าจนบางครั้งเกินความจำเป็น ที่สาดส่องมาจากรถที่วิ่งอยู่บนถนน



เสียงบ่นจากผู้ขับขี่รถยนต์บนท้องถนนมีมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับแสงไฟสว่างจ้าจนบางครั้งเกินความจำเป็น ที่สาดส่องมาจากรถที่วิ่งอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน



ไฟตัดหมอก อุปกรณ์แต่งรถที่กำลังเป็นแฟชั่นระบาดไปทั่วทั้งรถเก๋ง และรถปิกอัพ คือ ที่มาของแสงสว่างจ้าบนท้องถนนยามค่ำคืน



การเปิดไฟตัดหมอกอาจดูเท่ในสายตาเจ้าของรถ แต่สำหรับผู้ขับขี่ที่โดนแสงไฟตัดหมอกที่ เปิดในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม สาดใส่แล้วละก็กลับกลายเป็นความทุกข์ที่ส่งผลต่อทัศนวิสัยในการมองเห็น และต้องจำทนกับสภาพนี้โดยทำอะไรไม่ได้มากนอกจากขับหนี หรือปล่อยให้แซงหน้าไป



จากการใช้งานในช่วงเวลาที่ผิดนี้เอง อาจทำให้คุณประโยชน์ที่มีมหาศาลของไฟตัดหมอก กลายเป็นแค่สินค้าแฟชั่น ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายและอุบัติเหตุแก่รถยนต์คันอื่นบนท้องถนนได้



ความจริงไฟตัดหมอกมี มานานแล้ว แต่ในเมืองไทยยังไม่เป็นที่นิยมเพราะราคาแพงและไม่มีความจำเป็น จึงมีให้เห็นเฉพาะกับรถนำเข้าจากเขตเมืองหนาวหรือเขตเมืองที่อยู่สูงกว่า ระดับน้ำทะเลมากๆ เท่านั้น ต่อมาค่านิยมเริ่มเปลี่ยนไป เพราะการติดไฟตัดหมอกถือว่าเท่และทันสมัย ประกอบกับราคาที่ถูกลงจึงมีการหาซื้อมาดัดแปลงติดตั้งเพิ่มเติมกัน แม้แต่รถที่ผลิตในเมืองไทยก็ยังนิยมติดไฟตัดหมอก



“ไฟตัดหมอก” ถือกำเนิดขึ้นมาในแถบประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง อากาศหนาว หรือประเทศที่เป็นเกาะล้อมรอบด้วยน้ำทำให้มีฝนตกบ่อยตลอดทั้งปี มีบรรยากาศที่ขมุกขมัวหรือมีหมอกเป็นส่วนมาก ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการใช้ยานพาหนะจึงมีการคิดค้นไฟตัดหมอกขึ้นมา



ไฟตัดหมอกจะ ใช้ไฟที่ให้ความสว่างสูง ส่วนใหญ่หลอดจะเป็นสปอตไลท์ ส่องในระนาบขนานกับพื้นถนนหรือตกพื้นในระยะไกล ดังนั้นความสว่างจึงมีมากและส่องได้ไกลกว่า โดยเฉพาะในยามที่ฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัด
หลอดไฟหน้าปกติถ้าเปิดส่องในขณะที่หมอกจัด มุมที่เอียงลงต่ำทำให้เกิดมุมสะท้อนกลับสู่สายตาของผู้ขับขี่ จึงทำให้แสงที่ส่องผ่านไปมีน้อย หรือมองเห็นแค่ในระยะไม่เกิน 10 - 15 เมตร แถมแสบตากับแสงที่สะท้อนกลับ แต่ไฟตัดหมอกที่ ส่องแบบขนานพื้นจะไม่สะท้อนมาที่ห้องโดยสาร เพราะสามารถทะลุทะลวงได้มาก และสะท้อนกลับมาในมุมที่ไม่กระทบผู้ขับขี่ ทำให้มองเห็นได้ในระยะมากกว่า 30 - 80 เมตร



ในทำนองเดียวกัน เมื่อพื้นถนนเปียกหรือฝนหยุดตกใหม่ๆ ในตอนกลางคืน ไฟหน้าปกติที่ส่องลงผิวถนนจะถูกพื้นน้ำสะท้อนออกไปอีกมุมหนึ่ง ซึ่งบางครั้งแทบจะมองไม่เห็นผิวถนนด้วยซ้ำ แต่ไฟตัดหมอกที่ แทบจะไม่ส่องลงพื้นถนนยังสามารถมองเห็นผิวถนนในระยะสายตาได้อย่างชัดเจน ซึ่งในแถบประเทศเขตเมืองหนาวได้ออกกฎบังคับให้รถทุกคัน ต้องมีไฟตัดหมอกเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน



ปัจจุบันคนไทยนิยมตกแต่งรถด้วยไฟตัดหมอก และมักเปิดใช้อย่างพร่ำเพรื่อ ผิดวิธี ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้เส้นทางรายอื่นๆ เพราะ ไฟตัดหมอกเป็นไฟที่ให้ความสว่างสูง ส่วนใหญ่หลอดจะเป็นสปอตไลท์จึงสามารถส่องสว่างไปได้ไกล ซึ่งหากเปิดใช้ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม แสงจากหลอดไฟตัดหมอกจะไปแยงและรบกวนสายตาผู้ที่ขับรถสวนทางมาทำให้ตาพร่ามัว จึงมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้สูงกว่าปกติ



การใช้ไฟตัดหมอกให้ถูกวิธี จึงมีการรณรงค์กันอย่างต่อเนื่องจากทั้งทางภาครัฐ และเอกชน โดยกรณีที่จำเป็นต้องเปิดไฟตัดหมอก ประกอบด้วย



1. ฝนตกปรอยๆ หรือตกหนัก ไฟตัดหมอกจะมีประโยชน์มาก แม้จะเป็นช่วงกลางวันก็ตามเพราะมันสามารถช่วยให้รถที่สวนมามองเห็นไฟตัดหมอกอย่างชัดเจน

2. เมื่อขึ้นภูเขาสูงหรือยอดเขา โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน เพราะที่สูงๆ นั้น หมอกจะมีมากกว่าปกติ

3. ในช่วงกลางคืนหลังฝนหยุดตกหรือถนนยังเปียกอยู่ ซึ่งไฟตัดหมอกจะช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น เพราะไฟหน้าปกติถูกน้ำสะท้อนไปเกือบหมดแล้ว

4. ทุกกรณีที่มีหมอกหรือควันเกิดขึ้นบนท้องถนนที่บดบังทัศนวิสัยให้มองเห็นได้น้อยกว่า 50 เมตร



แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ควรปิดไฟตัดหมอกทันทีที่มีรถสวนมาในระยะที่มองเห็นไฟหน้าของรถที่สวนมาได้อย่างชัดเจน แม้แต่รถที่มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติก็จะสั่งปิดไฟตัดหมอก คงไว้เฉพาะไฟปกติเมื่อสัญญาณจับได้ว่ามีไฟสะท้อนมาในมุมตรงข้าม



การใช้ไฟตัดหมอกอย่างถูกวิธีจะก่อให้เกิดประโยชน์และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และเสริมทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ให้ดีขึ้น



ในทางตรงกันข้าม การเปิดไฟตัดหมอกอย่าง พร่ำเพรื่อ ไม่มีมารยาท และผิดวิธี นอกจากจะรบกวนสายตาและสร้างความรำคาญให้กับผู้ขับรถรายอื่นๆ ที่ร่วมใช้เส้นทางแล้ว ยังเพิ่มโอกาสทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าปกติอีกด้วย



"ปัจจุบันคนไทยนิยมตกแต่งรถด้วยไฟตัดหมอก และมักเปิดใช้อย่างพร่ำเพรื่อ ผิดวิธี ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้เส้นทางรายอื่นๆ"

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก

ฮอนด้าโตสวนกระแส ซิตี้-แจ๊ซ-ซีวิค 4 เดือนกวาดยอดขาย2หมื่นคัน



′ ฮอนด้า′เป็นปลื้ม คว้าแชมป์เก๋งเดือนเมษาโตกว่า 50% สวนกระแส ′ซิตี้ใหม่′แรงจัดทำยอดได้สูงสุด ส่วน ′ซีวิค′ ครองแชมป์ในตลาดคอมแพ็กต์ ชี้ลูกค้าต้องการรถเล็กประหยัด




นายอาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาบริษัทสามารถจำหน่ายรถยนต์ได้เป็นอันดับหนึ่งในตลาด รถยนต์นั่ง ด้วยยอดขายทั้งสิ้น 6,473 คัน เติบโตกว่า 50% ครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 40.5% โดยรถยนต์ฮอนด้ารุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ ซิตี้ ใหม่ ทำยอดจำหน่ายได้ 2,502 คัน ตามด้วยซีวิค 2,389 คัน แจ๊ซ ใหม่ 1,135 คัน และแอคคอร์ด 447 คัน



เห็นได้ว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้, แจ๊ซ และซีวิค ยังรวมกันเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของจำนวนรถยนต์ฮอนด้าที่จำหน่ายได้ทั้งหมดในเดือนเมษายน ซึ่งชี้ให้เห็นว่า รถยนต์ทั้งในกลุ่มซับคอมแพ็กต์และคอมแพ็กต์ ที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากรูปลักษณ์ที่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ประหยัดน้ำมันและให้การขับขี่ที่สนุกอีกด้วย



"จากปริมาณความต้องการรถยนต์ฮอนด้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่าน มา ส่งผลให้บริษัทขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์นั่ง และยอดการสั่งซื้อรถยนต์ฮอนด้าจากลูกค้าสูงกว่าที่เราประมาณการไว้มาก ซึ่งสวนกระแสแนวโน้มอุตสาหกรรมและการคาดการณ์สภาวะตลาดที่คาดว่าจะอยู่ใน ช่วงขาลง ดังนั้นในเดือนเมษายนจึงเป็นเดือนที่เรามีผลงานที่น่าพอใจอย่างมาก โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากยอดการสั่งจองในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ซึ่งเราหวังว่ายอดจำหน่ายในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา"



สำหรับยอดจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 25,026 คัน หดตัวลงจากช่วงเดียวของปีก่อน 9% แบ่งออกเป็น รถยนต์นั่ง 23,723 คัน เติบโตขึ้น 1% และรถเอสยูวี 1,303 คัน หดตัวลงสูงถึง 69% สำหรับรถยนต์นั่งนั้นรถยนต์รุ่นที่ขายดีที่สุดในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ ซิตี้ ใหม่ 9,228 คัน ซีวิค 7,807 คัน และฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ 5,060 คัน ส่วนแอคคอร์ดทำยอดขายได้ 1,628 คัน



นอกจากนี้ รถยนต์ฮอนด้า ซีวิค ยังสามารถครองอันดับที่หนึ่ง ในตลาดรถยนต์นั่งกลุ่มคอมแพ็กต์ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ด้วยยอดจำหน่าย 7,807 คัน ทำให้รถยนต์รุ่นนี้มี ส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 39.4% ตามมาด้วย โตโยต้า อัลติส 6,936 คัน ครองตลาด 35% มาสด้า 3 จำนวน 1,470 คัน ครองตลาด 7.4% นิสสัน ทีด้า 1,318 คัน ครองตลาด 6.7% และเชฟโรเลต ออพตร้า 826 คัน ส่วนแบ่ง 4.2%



"จากสภาวะเศรษฐกิจของโลกและของประเทศไทยในปัจจุบัน ทำให้ลูกค้าที่ต้องการซื้อรถยนต์เป็นคันแรกและผู้ที่มีรถเก่าอยู่แล้ว ต้องประเมินความต้องการในการขับขี่และรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะลงทุนในรถยนต์คันใหม่ ซึ่งลูกค้าเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมองหารถยนต์ขนาดที่เหมาะสมที่ประหยัด น้ำมัน ภายในกว้างขวาง และอยู่ในระดับราคาที่ซื้อหาได้ ขณะเดียวกันก็ต้องใช้งานง่าย มีค่าบำรุงรักษาต่ำและสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก

ฮอนด้าแจ๊ซ-ซิตี้เจ๋งคว้าคาร์ออฟเดอะเยียร์




ฮอนด้า เจ๋งทั้ง "แจ๊ซ-ซิตี้" คว้าคาร์ออฟเดอะเยียร์ กระบะ "ดีแมคซ์-วีโก้" แรงฉุดไม่อยู่คว้ารางวัลอื่นๆเพียบรวมทั้งแชมป์ประหยัดน้ำมัน กรังด์ปรีซ์ทำเก๋เพิ่มรางวัลมอเตอร์ไซค์ยอดเยี่ยมแห่งปี "ฮอนด้า" คว้าอีกหลายรางวัล



นาย อโณทัย เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงาน Car Of The Year รองประธานบริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และนายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า การประกาศรางวัลคาร์ออฟเดอะเยียร์ปีนี้ดูคึกคักมากกว่าทุกปี เนื่องจากปีนี้บริษัทได้เพิ่มเติมรถจักรยานยนต์เข้ามาอีกหนึ่งกลุ่ม ได้แก่ ไบค์ออฟเดอะเยียร์ ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรก กรังด์ปรีซ์เคยมอบรางวัลนี้มาแล้วเมื่อปี 2524 สมัยพลตรีชาติชาย ชุณหะวัณ เป็น รมว.อุตสาหกรรม



นายอโณทัยกล่าวว่า งานนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 11 ตามแนวคิดเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ อันประกอบด้วย อุตสาหกรรมชิ้นส่วน อุตสาหกรรมการประกอบรถยนต์และสินค้าต่อเนื่องให้มีการเติบโตสู่ระดับสากล อีกทั้งเป็นที่ยอมรับต่อตลาดโลกยิ่งขึ้น ในฐานะ "ฐานการผลิตยานยนต์ครบวงจรเพื่อการส่งออก"



การประกาศรางวัล คาร์แอนด์ไบค์ออฟเดอะเยียร์ เป็นความร่วมแรงจากองค์กรหน่วยงานต่างๆ ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง นั่นคือสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ไทย, สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย, ร.ย.ส.ท. และบริษัท กรังด์ปรีซ์



สำหรับรางวัลมีดังนี้ หมวดรถยนต์นั่ง ประกอบด้วย Best Sedan Under 1500 CC ได้แก่ ฮอนด้า ซิตี้, Best Hatchback Under 1500 CC ได้แก่ ฮอนด้า แจ๊ซ, Best Sedan Under 1600 CC ได้แก่ มาสด้า 3, Best Sedan Under 2000 CC ได้แก่ ฮอนด้า ซีวิค 2 ลิตร, Best Hatchback Under 2000 CC ได้แก่ มาสด้า 3 รุ่น 2 ลิตร, Best Sedan Under 2500 CC ได้แก่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ C230, Best Sedan Diesel ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 320d, Best Hatchback Diesel ได้แก่ ฟอร์ด โฟกัส 2.0 TDCI, Best Mid-size Sedan Under 2000 CC ได้แก่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ E200 NGT,



Best Mid-size Sedan Under 2500 CC ได้แก่ ฮอนด้า แอคคอร์ด 2.4, Best Mid-size Sedan Diesel ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 520d, Best Luxury Car ได้แก่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ S500L, Best Sport Coupe ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 320d Coupe, Best Roadster ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 325i Convertible, Best Performance 4WD ได้แก่ ซูบารุ อิมเพรสซ่า WRX 2.5,



Best Sport Hatchback ได้แก่ มินิ คูเปอร์ S และ Best Station Wagon CNG ได้แก่ เชฟโรเลต ออพตร้า เอาเตท CNG, Best MPV ได้แก่ มิตซูบิชิ สเปซวากอน, Best SUV Petrol ได้แก่ ฟอร์ด เอสเคป, Best SUV Diesel ได้แก่ เชฟโรเลต แคปติวา, Best Luxury SUV ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู X5xDrive30d, Best Luxury Van ได้แก่ ฮุนได H1



หมวดรถปิกอัพ Best Pickup 2WD Under 2500 CC ได้แก่ เชฟโรเลต โคโลราโด 2.5 CTi CNG, Best Pickup 4WD Under 2500 CC ได้แก่ นิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา 4x4, Best Pickup 4WD Under 3200 CC ได้แก่ โตโยต้า วีโก้ 3.0G, Best High-lifted Pickup 2500 CC ได้แก่ นิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา คาลิเบอร์, Best High-lifted Pickup 3200 CC ได้แก่ อีซูซุ ดีแมคซ์ Cab 4 Platinum Hi-Lander, Best PPV Diesel 2WD ได้แก่ อีซูซุ มิว-7 Prino Platinum, Best PPV Diesel 4WD ได้แก่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต



ส่วนรางวัล Special Award เริ่มจาก Best Advanced Technology ได้แก่ วอลโว่ S80 2.5 FT, Best Selling Cars ได้แก่ โตโยต้า, Best Export Car ปี 2008 ได้แก่ โตโยต้า ส่งออกรถยนต์เป็นจำนวน 313,000 คัน, Best Selling Registered Pickup ในปี 2008 รถปิกอัพที่มีจดทะเบียนสูงสุดคืออีซูซุ ที่มียอดจดทะเบียน 109,391 คัน, Best Fuel Economy Pickup 2500 CC ได้แก่ อีซูซุ ดีแมคซ์, Best Fuel Economy Pickup 3000 CC ได้แก่ โตโยต้า วีโก้ 3.0 ลิตร,



Best Selling Tyre ได้แก่ บริดจสโตน, Best Import Tyre ได้แก่ ดันลอป, Best Insurance Company ได้แก่ วิริยะประกันภัย, Best Dress-up Products ได้แก่ แครี่บอย, Best Car Rental & Services ได้แก่ มาสเตอร์ คาร์ เร้นเทิล, Best Car Leasing ได้แก่ ลิสซิ่ง กสิกรไทย ขณะที่รางวัล Bike Of The Year 2009 เริ่มจาก Best Family ได้แก่ ฮอนด้า เวฟ 125i, Best Selling Family ได้แก่ ฮอนด้า,



Best Automatic ได้แก่ ยามาฮ่า นูโว Elegance 135, Best Selling Automatic ได้แก่ ยามาฮ่า, Best Performance Mini Bike ได้แก่ คาวาซากิ KSR110, Best Design Mini Bike ได้แก่ ซาร์ค ไบค์ KikAss, Best Export Bike (Under 250 CC) ได้แก่ ฮอนด้า, Best Export Bike (Over 250 CC) ได้แก่ คาวาซากิ, Best Utility Bike ได้แก่ ซูซูกิ


ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Honda Insight ปี 2010 รถไฮบริดคู่แข่ง Prius

ตะลึง!!! บังคับ Asimo ด้วยคลื่นสมอง

เข้าไปอ่นดูนะครับ

HONDA CROSSROAD เสน่ห์ที่ลงตัวของคนรุ่นใหม่

SECC เปิดตัวรถรุ่นใหม่ HONDA CROSSROAD เป็นรถเเนกประสงค์ SUV 7 ที่นั่ง

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Honda Insight รถยนต์ไฮบริด

เหลืออีกไม่กี่วัน ฮอนด้า อินไซท์ ใหม่จะได้ฤกษ์เปิดตัวในรอบสื่อมวลชนวันแรกของดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2009 ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 11 มกราคมนี้ แต่ทว่าภาพคันจริงในทุกมุมของ รถยนต์ไฮบริด ใหม่ของฮอนด้ารุ่นนี้ก็รั่วออกมา ให้รับทราบกันในโลกไซเบอร์สเปซแล้ว


ข่าวระบุว่าต้นตอของข่าวรั่วอยู่ในยุโรป ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีภาพแคตาล็อกของอินไซท์ใหม่เวอร์ชันญี่ปุ่นถูกเผยแพร่ ในอินเตอร์เนตมาแล้วทีหนึ่ง อย่างไรก็ตามไม่ว่าข่าวจะออกมาจากฝั่งไหนของโลก แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคแบบครบถ้วนและเป็น ทางการของรถยนต์รุ่นนี้ออกมา นอกจากว่าจะใช้ระบบไฮบริดแบบ IMA หรือ Integrated Motor Assist ในการขับเคลื่อน โดยเป็นรูปแบบของ Mild Hybrid ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่ในการช่วยขับเคลื่อนและชาร์จกระแสไฟฟ้า ส่วนหน้าที่หนักจะเป็นเครื่องยนต์เบนซินที่มีความจุไม่มาก และส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT


แผงหน้าปัดของอินไซท์ใหม่ได้รับอิทธิพลจากซีวิครุ่นปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 2 ชั้น โดยมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ รวมถึงหน้าจอแสดงผลการชาร์จหรือช่วยขับเคลื่อนของมอเตอร์ไฟฟ้าจะอยู่ด้าน ล่าง ขณะที่ด้านบนเป็นการแสดงผลความเร็วด้วยตัวเลขดิจิตอล ซึ่งสามารถเปลี่ยนโทนสีของตัวเลขตามระดับความเร็ว เพื่อบอกให้ทราบถึงความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งถ้าขับด้วยความเร็วสูงตัวเลขก็จะเปลี่ยนจากสีเขียวเข้มไปเป็นสีเขียว อ่อน และสีฟ้า


หลังจากเปิดตัวในดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2009 แล้ว ฮอนด้าจะส่งอินไซท์ใหม่ลุยตลาดทั่วโลก โดยในญี่ปุ่นน่าจะเปิดตัวไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์นี้ ตามจากนั้นตามด้วยยุโรปในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน และสหรัฐอเมริกาในช่วงกลางปีเดียวกัน โดยราคาคาดว่าจะแพงกว่าซีวิคเล็กน้อย อยู่จะเริ่มต้นที่ 19,000-20,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 660,000-700,000 บาทเท่านั้น


สำหรับรายละเอียดอย่างเป็นทางการของอินไซท์คงต้องรอกันหลังเปิดตัวที่ดีทรอยต์ ตอนนี้ดูภาพกันไปพลางๆ ก่อน

ที่มาเนื้อข่าว : http://www.manager.co.th ที่มาของรูป http://automobiles.honda.com

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

โฉมใหม่..! Honda Civic Type R

Honda Civic Type R แตกไลน์เพื่อตลาดแต่ละกลุ่ม

จากแนวคิดรุ่นเดียวตัวถังเดียวสำหรับขายในญี่ปุ่นก่อนแพร่หลายออกไปนิยมในหมู่ลูกค้าฝั่งยุโรปในเวลาต่อมา ถึงตอนนี้เวอร์ชันไทป์ อาร์ของซีวิคเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ เมื่อรุ่นแฮทช์แบ็ก 3 ประตูไม่ใช่ตัวถังหลักของสายพันธุ์นี้อีกต่อไป แต่ถูกปรับบทบาทให้จำกัดตัวเองอยู่แค่ในยุโรป

และหลักฐานที่ยืนยันถึงเรื่องนี้คือ การที่ฮอนด้านำซีวิค ไทป์ อาร์ใหม่สำหรับตลาดญี่ปุ่นออกมา เปิดตัวที่สนามซึซึกะในระหว่างการแข่งขันเจแปนีส กรังด์ปรีซ์ เมื่อวันที่ 6--8 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมา พร้อมกับตัวถังซีดาน 4 ประตูสีขาวและล้อขาวตามฟอร์แม็ทที่เป็นรูปแบบของเวอร์ชันไทป์ อาร์



4 ประตูเพื่อคนญี่ปุ่น

ก่อนการเปิดตัวครั้งนี้ มีเครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นกับอนาคตของซีวิค ไทป์ อาร์ในญี่ปุ่นว่าจะเป็นไปในทิศทางใด จะยังยึดรูปแบบเช่นเดิมเหมือนกับรุ่นแรก (EK9) และรุ่นที่ 2 (EP3) ซึ่งถูกพัฒนาบนพื้นฐานของตัวถังแฮทช์แบ็ก 3 ประตูต่อไป หรือว่าจะต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพตลาดในปัจจุบัน ?

ข่าวลือที่ว่าฮอนด้าจะเปลี่ยนแปลงตัวถังสำหรับใช้ในการพัฒนาเวอร์ชันไทป์ อาร์ของซีวิคในญี่ปุ่นเริ่มเป็นรูปเป็นร่างหลังจากที่รุ่นปกติของซีวิค FD เปิดตัวออกมาได้ไม่นาน และสื่อมวลชนพร้อมใจกันนำเสนอข่าวว่าในรุ่นนี้จะเปลี่ยนมาใช้ตัวถัง 4 ประตูแทนที่ 3 ประตูด้วยเหตุผลที่ว่าตลาดรถยนต์แฮทช์แบ็ก 3 ประตู และคูเป้ขนาดกลางในญี่ปุ่นถึงจุดอิ่มตัวและยอดขายลดลงอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งลางร้ายนี้บ่งบอกออกมาตั้งแต่ซีวิครุ่นที่แล้ว เพราะฮอนด้าไม่นำรุ่น 3 ประตูเวอร์ชันปกติเข้ามาขายในญี่ปุ่นยกเว้นรุ่นไทป์ อาร์ และฐานการผลิตก็มีแห่งเดียวที่เมืองสวินดอน ประเทศอังกฤษ



ตรงนี้คือประเด็นหลักของการเปลี่ยนแปลงที่ถูกชูขึ้นมา

และทำให้สายพันธุ์ไทป์ อาร์ ที่แต่เดิมอิงอยู่กับตัวถัง 3 ประตูจำเป็นต้องปรับตัวตามสภาพของตลาด

แม้ว่าจะเป็นการยกเลิกเอกลักษณ์ดั้งเดิมก็ตาม โดยหันมาพัฒนาบนพื้นฐานของรุ่น 4 ประตูซึ่งเป็นตัวถังเดียวของซีวิคที่มีขายในญี่ปุ่น และข่าวนี้ก็เป็นจริงขึ้นมาในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

น่าเสียดายมากที่รายละเอียดของตัวรถถูกเปิดเผยออกมาน้อยมาก มีแค่มิติตัวถังซึ่งมีความยาว 4,540 มิลลิเมตร กว้าง 1,771 มิลลิเมตร สูง 1,425 มิลลิเมตร พร้อมกับชุดแต่งรอบคันที่เพิ่มความสปอร์ตเต็มพิกัด ล้อแม็กสีขาวพร้อมโลโก้ตัว H บนพื้นสีแดงตามสไตล์เวอร์ชันไทป์ อาร์ของฮอนด้า

ขณะที่เครื่องยนต์ ทางฮอนด้าเปิดเผยว่าเป็นบล็อก 4 สูบ 2,000 ซีซี i-VTEC ที่ไม่ระบุว่า เป็นรหัสอะไร แต่ถ้าจะให้คาดเดาก็น่าจะยังอิงอยู่บนพื้นฐานของบล็อก K20 เพียงแต่ คราวนี้ มีการพัฒนาและรีดกำลังออกมาได้มากถึง 220 แรงม้าส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะสู่ล้อหน้า ซึ่งเรียกว่าเป็นซีวิค ไทป์ อาร์ที่มีแรงม้าจากโรงงานมากที่สุดเท่าที่เคยผลิตกันมาเลยทีเดียว



มีการเปิดเผยว่าเหตุผลที่ ฮอนด้า ยกระดับความแรงของซีวิค ไทป์ อาร์ใหม่ให้สูงขึ้น

ก็เพราะต้องการกินรวบตลาดสปอร์ตคูเป้ขนาดกลาง ที่ในตอนนี้ทางฮอนด้าประกาศเลิกผลิตรุ่นอินเทกราไปแล้ว ด้วยเหตุผลข้างต้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเปิดตัวออกมาให้สัมผัสกันแล้ว แต่การทำตลาดจริงในญี่ปุ่นยังต้องรออีก พักใหญ่ เพราะทางฮอนด้าจะเริ่มส่งขายในช่วงเดือนมีนาคมปีหน้า โดยที่ยังไม่มีการเปิดเผยราคาออกมา ในตอนนี้ ส่วนเมืองไทยคงต้องรอพึ่งจากผู้นำเข้ารายย่อยเหมือนเดิม



3 ประตูเพื่อคนยุโรป

นับจากซีวิค ไทป์ อาร์รุ่นที่แล้ว (EP3) ยุโรปทวีบทบาทในฐานะที่เป็นตลาดสำคัญของซีวิค ตัวถังแฮทช์แบ็กทั้งรุ่นปกติและตัวแรงในตระกูลไทป์ อาร์ ซึ่งสังเกตได้จากการที่ฮอนด้าเลือกเจนีวา มอเตอร์ โชว์ 2001 เป็นเวทีในการเปิดตัวครั้งแรกของรถยนต์รุ่นนี้ และในรุ่นใหม่นี้ก็เช่นเดียวกัน

ซีวิค ไทป์ อาร์ใหม่บนตัวถังแฮทช์แบ็ก 3 ประตู อาจจะเรียกว่าเป็น Euro Spec โดยเฉพาะก็คงไม่ผิด เพราะเป็นการผลิตและพัฒนาสำหรับตลาดกลุ่มนี้เพื่อแข่งขันกับพวก Hot Hatch สัญชาติยุโรป เช่น โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ จีทีไอ, โอเปิล แอสตรา โอพีซี, เปอโยต์ 307 เทอร์โบ, ฟอร์ด โฟกัส เอสที ฯลฯ



การพัฒนามีขึ้นบนพื้นฐานของตัวถังแฮทช์แบ็ก 3 ประตู

พร้อมเครื่องยนต์เป็น 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 2,000 ซีซี i-VTEC 201 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที และเมื่อส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะผ่านล้อคู่หน้า มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 6.6 วินาที และความเร็วปลาย 235 กิโลเมตร/ชั่วโมง

เช่นเดียวกับไทป์ อาร์ของญี่ปุ่น กว่าแม้จะเปิดตัวในปีนี้ แต่กว่าจะเริ่มส่งมอบรถได้ต้องรอจนถึง เดือนมีนาคมปีหน้าเลยทีเดียว



Si เพื่อคนอเมริกัน

สำหรับคนอเมริกัน มีเวอร์ชันตัวแรงของซีวิคเอาไว้รองรับกับความต้องการมานานแล้ว กับรหัส Si ซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 1986 หรือเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งในซีวิครุ่นใหม่ รุ่น Si ก็ประเดิมตลาดพร้อมกัน แต่มีให้เลือกเฉพาะตัวถังคูเป้เท่านั้น ก่อนที่จะมาเพิ่มอีกทางเลือกด้วยตัวถังซีดาน 4 ประตูเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา



ทั้งรุ่นคูเป้และซีดานของ Si วางเครื่องยนต์รหัส K20Z3 บล็อก 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว i-VTEC 2,000 ซีซี 197 แรงม้า ที่ 7,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.2 กก.-ม. ที่ 6,100 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะสู่ล้อหน้า






ขอขอบคุณ :
ข้อมูลข่าวและภาพข่าวบางส่วนที่มีคุณภาพ
จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
และภาพประกอบจากต่างประเทศ