วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552
ฮอนด้าโตสวนกระแส ซิตี้-แจ๊ซ-ซีวิค 4 เดือนกวาดยอดขาย2หมื่นคัน
′ ฮอนด้า′เป็นปลื้ม คว้าแชมป์เก๋งเดือนเมษาโตกว่า 50% สวนกระแส ′ซิตี้ใหม่′แรงจัดทำยอดได้สูงสุด ส่วน ′ซีวิค′ ครองแชมป์ในตลาดคอมแพ็กต์ ชี้ลูกค้าต้องการรถเล็กประหยัด
นายอาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาบริษัทสามารถจำหน่ายรถยนต์ได้เป็นอันดับหนึ่งในตลาด รถยนต์นั่ง ด้วยยอดขายทั้งสิ้น 6,473 คัน เติบโตกว่า 50% ครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 40.5% โดยรถยนต์ฮอนด้ารุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ ซิตี้ ใหม่ ทำยอดจำหน่ายได้ 2,502 คัน ตามด้วยซีวิค 2,389 คัน แจ๊ซ ใหม่ 1,135 คัน และแอคคอร์ด 447 คัน
เห็นได้ว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้, แจ๊ซ และซีวิค ยังรวมกันเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของจำนวนรถยนต์ฮอนด้าที่จำหน่ายได้ทั้งหมดในเดือนเมษายน ซึ่งชี้ให้เห็นว่า รถยนต์ทั้งในกลุ่มซับคอมแพ็กต์และคอมแพ็กต์ ที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากรูปลักษณ์ที่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ประหยัดน้ำมันและให้การขับขี่ที่สนุกอีกด้วย
"จากปริมาณความต้องการรถยนต์ฮอนด้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่าน มา ส่งผลให้บริษัทขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์นั่ง และยอดการสั่งซื้อรถยนต์ฮอนด้าจากลูกค้าสูงกว่าที่เราประมาณการไว้มาก ซึ่งสวนกระแสแนวโน้มอุตสาหกรรมและการคาดการณ์สภาวะตลาดที่คาดว่าจะอยู่ใน ช่วงขาลง ดังนั้นในเดือนเมษายนจึงเป็นเดือนที่เรามีผลงานที่น่าพอใจอย่างมาก โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากยอดการสั่งจองในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ซึ่งเราหวังว่ายอดจำหน่ายในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา"
สำหรับยอดจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 25,026 คัน หดตัวลงจากช่วงเดียวของปีก่อน 9% แบ่งออกเป็น รถยนต์นั่ง 23,723 คัน เติบโตขึ้น 1% และรถเอสยูวี 1,303 คัน หดตัวลงสูงถึง 69% สำหรับรถยนต์นั่งนั้นรถยนต์รุ่นที่ขายดีที่สุดในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ ซิตี้ ใหม่ 9,228 คัน ซีวิค 7,807 คัน และฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ 5,060 คัน ส่วนแอคคอร์ดทำยอดขายได้ 1,628 คัน
นอกจากนี้ รถยนต์ฮอนด้า ซีวิค ยังสามารถครองอันดับที่หนึ่ง ในตลาดรถยนต์นั่งกลุ่มคอมแพ็กต์ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ด้วยยอดจำหน่าย 7,807 คัน ทำให้รถยนต์รุ่นนี้มี ส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 39.4% ตามมาด้วย โตโยต้า อัลติส 6,936 คัน ครองตลาด 35% มาสด้า 3 จำนวน 1,470 คัน ครองตลาด 7.4% นิสสัน ทีด้า 1,318 คัน ครองตลาด 6.7% และเชฟโรเลต ออพตร้า 826 คัน ส่วนแบ่ง 4.2%
"จากสภาวะเศรษฐกิจของโลกและของประเทศไทยในปัจจุบัน ทำให้ลูกค้าที่ต้องการซื้อรถยนต์เป็นคันแรกและผู้ที่มีรถเก่าอยู่แล้ว ต้องประเมินความต้องการในการขับขี่และรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะลงทุนในรถยนต์คันใหม่ ซึ่งลูกค้าเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมองหารถยนต์ขนาดที่เหมาะสมที่ประหยัด น้ำมัน ภายในกว้างขวาง และอยู่ในระดับราคาที่ซื้อหาได้ ขณะเดียวกันก็ต้องใช้งานง่าย มีค่าบำรุงรักษาต่ำและสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น